วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต


 Social Network

          Social Network คือ การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่างของเว็บประเภทที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้ว่าเป็น Social Bookmark ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ที่จะนำมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ผู้คนจะช่วยกันแนะนำ url ที่น่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะมาช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนั้น ๆ เป็นต้น ในแง่ของการอธิบายถึงปรากฎการณ์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ยังมีการอธิบายผ่านคำว่า Social network service หรือ SNS เป็นการเน้นไปที่การสร้างชุมชนออนไลน์ซึ่งผู้คนสามารถที่จะแลกเปลี่ยน แบ่งปันตามผลประโยชน์ กิจกรรม หรือความสนใจเฉพาะเรื่อง ซึ่งอาศัยระบบพื้นฐานของเว็บไซต์ที่ทำให้มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้คนโดยแต่ละเว็บนั้นอาจมีการให้บริการที่ต่างกัน เช่น email กระดานข่าว และในยุคหลังๆมานี้ เป็นการแบ่งปันพื้นที่ให้สมาชิกเป็นเจ้าของพื้นที่ร่วมกันและแบ่งปันข้อมูลระหว่างโดยผู้คนสามารถสร้างเว็บเพจของตนเองโดยอาศัยระบบซอฟท์แวร์ที่เจ้าของเว็บให้บริการ


สังคมออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเตอร์เนทได้ง่ายๆ เราสามารถที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมา เพื่อแนะนำตัวเองได้ เช่น
  • Hi5
  • Friendster
  • My Space
  • Face Book
  • Orkut
  • Bebo
  • Twitter

1. Hi5 (www.hi5.com)
       เว็บ Hi5 เป็นเว็บที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีผู้ใช้บริการกว่า 7 แสนคน สำหรับหลายคนที่รู้จักและใช้บริการอยู่คงจะไม่ต้องอธิบายกันมากนัก เพราะคงรู้จุดประสงค์และการใช้งานดีอยู่แล้ว แต่หลายๆคนยังไม่ทราบว่าเจ้า hi5 นี่ใช้งานยังไง มีทำไม และเพื่อประโยชน์อะไร
       Hi5.com เป็นเว็บไซต์ที่ให้ผู้ใช้บริการมาฝาก profile ของตัวเอง มีลักษณะคล้ายกับ blog จะเน้นที่ตกแต่งหน้าตา profile เราให้สวยงาม ดึงดูดคนมาเข้า แต่จุดเด่นของมันอยู่ที่ ระบบ network ที่เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ
        ข้อดีของ Hi5
1. มีโอกาสได้เพื่อนใหม่ๆและเพื่อนเก่า ที่บางคนอาจจะเลือนหายไปกับความทรงจำ
2. มีการเก็บรักษาความส่วนตัว ที่ใช้ได้ในระดับหนึ่ง
3. วิธีการสมัครง่าย และวิธีการตกแต่ง hi5 ให้สวยงามก็ทำได้ง่าย
4. มีลักษณะเหมือน blog ทั่วไป แต่มีความทันสมัยและนิยมใช้งานกันมาก

        ข้อเสียของ Hi5
1. หากมีการพัฒนาหรือปรับปรุงเว็บ เครือข่ายอาจจะล่มในบางครั้ง
2. การใส่ลูกเล่นหรือการปรับแต่งอาจมีน้อย เพราะมี pattern อยู่แล้ว สิ่งที่จะปรับได้ก็จะเป็นในส่วนของแบคกราวน์ สีตัวอักษร ตัวอักษร ใส่เพลง วิดีโอและคลิป
3. ไม่มีประโยชน์เท่ากับการทำบล็อก เพราะคนจะเข้ามาดูรูปและข้อความเป็นส่วนใหญ่







2. Friendster (www.friendster.com)
        Friendster ได้ก้าวขึ้นมาสู่แนวหน้าของเว็บไซต์ Social Network เมื่อประมาณเดือนเมษายน ปี 2004 ก่อนจะถูกครองตลาดโดย MySpace ในเรื่องของผู้เข้าชมและจากการจัดอันดับของ Social Network นั้น Frienster ได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่แข่งของทั้ง Windows Live,MySpaces,Yahoo!360 และ Facebook ซึ่งในเวลาต่อมาก็ยังมี Hi5 ก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งสำคัญอีกด้วย
       บริษัทเสริช์เอนจิ้นยักษ์ใหญ่อย่าง Google เคยยื่นข้อเสนอขอซื้อ Friendster ในมูลค่า 30,000,000 ดอร์ลาห์สหรัฐ แต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะทาง Friendster ตัดสินใจว่าต้องการเป็นของส่วนตัวมากกว่าที่จะยื่นขายให้กับ Google และในปัจจุบันเว็บ Social Network อย่าง Friendster.com มีผู้ใช้งานมากกว่า 7 ล้านคนภายในปีเดียว 


3. MySpace (www.myspace.com)

        My Space คือ เว็บบล็อก ที่ทาง msn ให้ผู้ที่ใช้ msn ได้เข้าไปใช้บริการกัน ก็ Web Blog อยากให้เรานึกง่ายๆ ว่ามัน คล้าย กับไดอะรี่ แต่ไม่ใช่นะครับ ย้ำ ว่า บล็อก ไม่ใช่ ไดอะรี่ โดยบล็อกจะมีความหลากหลายมากกว่า เพราะในบล็อก ผู้ที่เป็นเจ้าของเนื้อที่นั้น จะเป็นผู้ที่ดูแลเนื้อหาว่าจะให้เป็นแนวไหน หรือว่าจะเป็นเนื้อเรื่องอะไร ส่วนหลายคนเอามาเป็นไดอะรี่ นั้น ผิดไหม คงไม่ผิด คือมันแล้วแต่ว่า ผู้ดูแลจะเป็นอย่างไร
        มายสเปซ(MySpace) เป็นเว็บไซต์ในรูปแบบของเครือข่ายชุมชน ชื่อดังเว็บหนึ่ง ให้บริการทำเว็บส่วนตัว บล็อก การเก็บ ภาพ วิดีโอ ดนตรี และเชื่อมโยงเข้ากับกลุ่มคนอื่น มายสเปซมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ เบเวอร์ลีย์ฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มายสเปซก่อตั้งเมื่อ สิงหาคม ปี 2003 โดย ทอม แอนเดอร์สัน และ คริสโตเฟอร์ เดอโวล์ฟ ในปัจจุบัน มายสเปซมีพนักงานกว่า 300 คน และในตัวเว็บไซต์มีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 100 ล้านคน และมีผู้ลงทะเบียนใหม่ประมาณ 200,000 คนต่อวัน
        ข้อดีของ MySpace 

1. มีลูกเล่นค่อยข้างมากกว่าไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Layout, Music ,Photo เป็นต้น รวมทั้ง
2. มีการแสดงให้เห็นใน Contact list ของ MSN อีกด้วย
3. สามารถกำหนดสิทธิคนที่จะเข้าดูได้หลายระดับ
        ข้อเสียของ MySpace
1. เปิดแสดงผลได้ช้ามาก หากบล็อกมีลูกเล่นเยอะ
2. ยังไม่สามารถใส่ script แบบไดอารี่ หรือ บล็อกในหลายๆ ที่ได้
3. การเลือกจำนวนของ Entry หรือบทความที่จะแสดงในหน้าแรกของบล้อกได้ต่ำสุดที่ 5
4. ความสามารถ ในส่วนของการกำหนดขนาดตัวอักษร ยังไม่มีมีการให้ใส่หรือเลือกขนาดตัวอักษรสำหรับบทความได้ในจุดไหน ซึ่งอันนีมีความสำคัญทีเดียว การเล่นตัวอักษรเล็กและใหญ่


4. Face Book  (www.facebook.com)

      Mark Zuckerberg ก่อตั้ง Facebook เว็บชุมชนออนไลน์ (Social Networking Site) ที่กำลังได้รับความนิยมสุดขีดในขณะนี้ เมื่อ 3 ปีก่อน ขณะยังเรียนอยู่ที่ Harvard ก่อนจะลาออกกลางคัน เจริญรอยตาม Bill Gates แห่ง Microsoft เพื่อเป็น CEO ของเว็บชุมชนออนไลน์ที่เขาก่อตั้งขึ้น ด้วยวัยเพียง 22 ปี เท่านั้น
      ภายในเวลาเพียง 3 ปี เว็บที่เริ่มต้นจากการเป็นเว็บชุมชนออนไลน์สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย กลายเป็นเว็บที่มีผู้ใช้ที่ลงทะเบียน 19 ล้านคน ซึ่งรวมถึงข้าราชการในหน่วยงานรัฐบาล และพนักงานบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ เข้าเว็บนี้เป็นประจำทุกวัน และขณะนี้กลายเป็นเว็บที่มีผู้เข้าชมมากเป็นอันดับ 6 ในสหรัฐ 1% ของเวลาทั้งหมดที่ใช้บน Internet ถูกใช้ในเว็บ Facebook
      นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับเป็นเว็บที่ผู้ใช้ Upload รูปขึ้นไปเก็บไว้มากเป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ โดยมีจำนวนรูปที่ถูก Upload ขึ้นไปบนเว็บ 6 ล้านรูปต่อวัน และกำลังเริ่มจะเป็นคู่แข่งกับ Google และเว็บยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในการดึงดูดวิศวกรรุ่นใหม่ใน Silicon Valley นักวิเคราะห์คาดว่า Facebook จะทำรายได้ 100 ล้านดอลลาร์ในปีนี้


5. Orkut  (www.orkut.com)


           เว็บไซต์หาเพื่อนสำหรับกลุ่มนักท่องเว็บขี้เหงานั้นครองความนิยมมายาวนาน จนเกิดเว็บไซต์ใหม่ขึ้นมา Social Network ขึ้นมามากมาย แม้เต่เจ้าพ่อเสิร์จเอนจินอย่างกูเกิล (Google) ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ก้าวเท้าเดินตามรอยเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Friendster เพื่อเข้าสู่วงการ social networking ด้วยการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาโดยให้ทีมวิศวกรของกูเกิลทำเป็นโปรเจคของตัวเอง กูเกิลใช้กลยุทธโปรเจคส่วนตัวนี้เพื่อสร้าเว็บไซต์ใหม่ๆขึ้นมาได้อย่างชาญฉลาด โดยเว็บไซต์นี้ใช้ชื่อว่า Orkut.com เพื่อใช้เป็นเว็บไซต์เชื่อมต่อระหว่างเพื่อนถึงเพื่อน ให้คุณสามารถสร้างความสนิทสนมได้บนความสะดวกสบาย 
           การเป็น social networking นั้นอาจจะเรียกได้ว่า เป็นเน็ตเวิร์กกระชับมิตร เพราะด้วยความที่ให้บริการเป็นชุมชนออนไลน์ ยูสเซอร์อาจจะใช้เครือข่ายนี้เป็นตัวเชื่อมต่อเพื่อพูดคุยกับเพื่อนฝูง หรืออาจจะหาเพื่อนใหม่เพื่อนัดเดท ซึ่งไม่ต่างอะไรจากเว็บไซต์หาเพื่อน ที่เคยฮอตฮิตในเมืองไทยบ้านเราอยู่พักใหญ่ เว็บไซต์ที่เข้าข่าย social networking นี้จะเปิดให้ยูสเซอร์ตั้งชื่อและเลือกชุมชนที่ต้องการ โดยจะสามารถโต้ตอบกับผู้คนที่อยู่บนเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย แต่ในบางประเทศก็มีการนำเอา social networking นี้มาใช้ในการพัฒนาชุมชน โดยใช้เครือข่ายเป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อประชาชนในชุมชนกับกลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้ประชาชนในชุมชน สามารถถ่ายทอดปัญหาและความต้องการได้โดยตรง จุดนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในด้านการแสดงความคิดเห็น การเฝ้าระวังข้อมูล การมีส่วนร่วม การสะท้อนมุมมอง และการระดมทุน



6. Bebo  (www.bebo.com)

          Bebo เป็นเครือข่ายทางสังคมแห่งยุคอนาคตที่ทำให้นักศึกษาระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัยสามารถติดต่อกับเพื่อน หาเพื่อนที่ขาดการติดต่อกันไปนาน และพบปะกับผู้คนใหม่ๆ หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฏาคมปีที่แล้วในเวลาเพียงแค่ 7 เดือน เครือข่ายทางสังคมแห่งนี้ก็มีสมาชิกจดทะเบียนมากกว่า 22 ล้านรายที่เข้ามาดูหน้าเว็บเพจถึงกว่า 700 ครั้งต่อเดือน Bebo เป็นบริษัทเอกชนที่บริหารงานโดยทีมบริหารที่มีประสบการณ์ในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทได้เปิดตัวเว็บไซท์เครือ ข่ายสังคมลำดับแรกๆคือ Ringo.com ซึ่งต่อมาเขาได้ขายเว็บดังกล่าวให้แก่ Tickle (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Monster ในปัจจุบัน) และล่าสุด อดีตประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจจาก Friendster ได้เข้ามาร่วมงานกับ Bebo นอกจากนี้ ทีมงานของ Bebo.com ยังเปิดเว็บไซท์อีกเว็บที่ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบปากต่อปาก (word of mouth) นั่นคือ BirthdayAlarm.com ซึ่งมีสมาชิก 40 ล้านคน
          Bebo เป็น Social Network ที่ถูกออกแบบมาดี โทนสีของเว็บไซต์ดูแล้วสบายตา ใช้งานง่าย มีการจัดระบบติดต่อผู้ใช้ได้ดี คนที่ไม่มีพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้แบบไม่ติดขัด รูปร่างหน้าตาของบล็อกดูไม่รกหูรกตา รองรับการปรับแต่งได้หลากหลาย

7. Twitter (www.twitter.com)

           ทวิตเตอร์(Twitter) เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำพวกไมโครบล็อก โดยผู้ใช้สามารถส่งข้อความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หรือ ทำการทวีต (tweet - ส่งเสียงนกร้อง) ทวิตเตอร์ก่อตั้งโดยบริษัท Obvious Corp เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2006 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ข้อความอัปเดตที่ส่งเข้าไปยังทวิตเตอร์จะแสดงอยู่บนเว็บเพจของผู้ใช้คนนั้นบนเว็บไซต์ และผู้ใช้คนอื่นสามารถเลือกรับข้อความเหล่านี้ทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์,อีเมล,เอสเอ็มเอส,เมสเซนเจอร์หรือผ่านโปรแกรมเฉพาะอย่าง Twitterific Twhirl ปัจจุบันทวิตเตอร์มีหมายเลขโทรศัพท์สำหรับส่งเอสเอ็มเอสในสามประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร
           ปัจจุบันประเทศไทยเองก็มีบริการลักษณะนี้เช่นกัน นั่นคือ Noknok และ Kapook OnAir เว็บไซต์แห่งหนึ่งถึงกับรวบรวมบริการแบบเดียวกับทวิตเตอร์ได้ถึง 111 แห่ง ตัวระบบซอฟต์แวร์ของทวิตเตอร์เดิมทีนั้นพัฒนาด้วย Ruby on Rails จนเมื่อราวสิ้นปี ปี 2008 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ภาษา Scala บนแพลตฟอร์มจาวา จนกระทั่งปี 2009 ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก จนนิตยสารไทม์ ฉบับวันที่ 15 ปี 2009 ได้นำเอาทวิตเตอร์ขึ้นปก และเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ ภายในนิตตสารบทบรรณาธิการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอข่าวที่มีที่มาจากเทคโนโลยีใหม่อย่างทวิตเตอร์ โดยทวิตเตอร์เป็นเว็บไซต์ที่ก่อตั้งขึ้นโดย แจ็ก คอร์ซีย์ บิซ สโตน และอีวาน วิลเลียมส์ เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2006

อ้างอิง : http://thaigoodview.com/node/93003?page=0%2C0



Web board

          Web board หรือ กระดานข่าว คือบริการจากทางเวบไซต์ที่เปิดกว้างให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็น และพูดคุยกันในเรื่องใดก็ได้ โดยการพิมพ์ข้อความเข้าไปแสดง (เรียกว่าการโพสท์-Post) รวมทั้งผู้ใช้ สามารถส่งรูปภาพมาลงด้วยได้

เวบบอร์ดจะแบ่งเป็นกลุ่มตามความสนใจของผู้ใช้ซึ่งมีมากมาย และหลากหลายมาก ยกตัวอย่างเช่น ถาม-ตอบปัญหาคอมพิวเตอร์, ดูหนัง ฟังเพลง,ซื้อ-ขายของมือสอง ฯลฯ รวมทั้งเวบบอร์ดที่เป็นสื่อกลางพูดคุยเกี่ยวกับคนที่เข้ามาชมเวบไซต์นั้นๆ ซึ่งปัจจุบันจะมีประจำเกือบทุกเวบไซต์>

กระทู้ คือแต่ละข้อความที่มีคนเข้ามาโพสท์แสดงความคิดเห็น หรือเปิดประเด็นในเรื่องต่างๆ โดยคนอื่นสามารถเข้าไปโพสท์แสดงความคิดเห็นต่อ หรือตอบกระทู้นั้นได้


2. ประเภทของเวบบอร์ด




1.เวบบอร์ดที่เปิดให้คนทั่วไปร่วมแสดงความคิดเห็นได้ เป็นเวบบอร์ดเปิดกว้างสำหรับทุกความคิดเห็นของทุกคน ใครก็สามารถเข้ามาตั้งกระทู้ ตอบกระทู้ และโพสท์ข้อความแสดงความคิดเห็นได้ บางเวบไซต์จะมีการรับสมัครสมาชิกด้วย เพื่อรับสิทธิพิเศษ เช่น สามารถทำลิงค์ และโพสท์รูปได้ ตัวอย่างเช่น เวบบอร์ดของ http://www.pantip.com
2.เวบบอร์ดข่าวเด็ด ประเด็นร้อน เวบบอร์ดนี้จะมีกระทู้ซึ่งทางเวบไซต์นั้นๆ จะเป็นผู้ตั้ง เพื่อเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้ามาแสดงความคิดเห็นในหัวข้อข่าว หรือประเด็นต่างๆ เช่น เวบบอร์ดของ http://www.kapook.com
3.เวบบอร์ดที่เปิดให้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น ต้องเป็นสมาชิกจึงจะ Log in เข้าไปโพสท์ข้อความได้ ส่วนใหญ่จะเป็นเวบบอร์ดของคณะ ชมรม บริษัท หรือกลุ่มต่างๆ

3. การใช้เวบบอร์ด
1. เมื่อเข้าไปในหน้าเวบบอร์ดแล้ว สามารถเข้าไปตั้งกระทู้ใหม่ได้ โดยคลิกเข้าไปที่ ตั้งกระทู้ใหม่ แล้วพิมพ์ข้อความ ถ้าต้องการโพสท์รูปภาพให้คลิกที่ Browse แล้วเลือกไฟล์ภาพที่ต้องการ บางเวบไซต์ต้องสมัครสมาชิกก่อนจึงจะสามารถโพสท์รูปได้

2. วิธีการตอบกระทู้ ให้คลิกเข้าไปที่กระทู้นั้นๆ จะปรากฏหน้าจอให้เข้าไปโพสท์ข้อความได้ เมื่อพิมพ์ข้อความเสร็จให้คลิกที่ปุ่ม ส่งข้อความ ข้อความของคุณจะถูกส่งขึ้นไปในเวบบอร์ดโดยอัตโนมัติ


4. คำแนะนำ และมารยาทในการใช้เวบบอร์ด1.ไม่เสนอข้อความที่พาดพิง หรือหมิ่นต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.ใช้ถ้อยคำที่สุภาพไม่ใช้ข้อความ และรูปภาพที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร ท้าทาย หรือยุยงส่งเสริมให้เกิดการเข้าใจผิด อันจะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง และไม่เสนอข้อความที่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย

3.ไม่เสนอข้อความที่ใส่ร้ายผู้อื่น หมิ่นประมาท หรือนำข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นมาเผยแพร่

4.ระมัดระวัง ไม่ตั้งกระทู้ที่ซ้ำซ้อนกับกระทู้ที่ตั้งมาก่อนแล้ว และไม่ตั้งผิดกลุ่ม ผิดเป้าหมายของเวบ บอร์ดนั้นๆ

5.ไม่ควรใส่เบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อกับบุคคลอื่น ให้ใส่เบอร์อีเมล์ หรือ Icq แทน

6.เปิดใจให้กว้าง เคารพ และยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นของผู้อื่น หากพบข้อความที่ส่อไปในทางชวนทะเลาะ ไม่ควรโต้ตอบ

7.ไม่ใช้นามแฝง หรือชื่อจริงของผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการเข้าใจผิดต่อการเป็นเจ้าของข้อความนั้น และอาจทำให้เจ้าของชื่อได้รับความเสื่อมเสีย

5. ประโยชน์ และข้อเสียของเวบบอร์ด

1.เป็นสื่อกลางที่เป็นเหมือนเวทีให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นแบบเสรี ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็สามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นได้

2.เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นในทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ โดยคุณสามารถเข้าไปตั้งคำถาม เพื่อไขข้อข้องใจ หรือตอบกระทู้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ให้แก่คนอื่น


ข้อเสียของเวบบอร์ด
1.สามารถใช้เป็นเครื่องมือของผู้ไม่ประสงค์ดีได้ โดยการโพสท์ข้อความที่ใส่ร้ายผู้อื่น ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย โพสท์ข้อความและรูปลามก อนาจาร หรือข้อความที่ยุยงส่งเสริมให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น ฯลฯ

2.สามารถใช้เป็นช่องทางหากินของมิจฉาชีพได้

3.ใช้เป็นที่ระบายอารมณ์จนเกินขอบเขต กลายเป็นเรื่องไร้สาระ และผู้ส่งข้อความไม่แสดงความรับผิดชอบต่อข้อความนั้น

4.การใช้เวบบอร์ดในทางที่ผิด ส่งผลให้เกิดการหมกมุ่น หรือใช้เวลากับเวบบอร์ดมากจนเกินความจำเป็น เป็นการเสียเวลา และส่งผลเสียกับผู้ใช้ในหลายๆ ด้าน






          MSN Messenger เป็นโปรแกรมเมสเซนเจอร์จากไมโครซอฟท์ และเป็นเมสเซนเจอร์ที่นิยมใช้มากที่สุดในประเทศไทย มักถูกเรียกสั้นๆว่า "เอ็มเอสเอ็น"หรือ"เอ็ม" เอ็มเอสเอ็นเมสเซนเจอร์มักถูกเข้าใจว่าเป็นบริการดอตเน็ตเมสเซนเจอร์ (.NET Messenger Service - โปรโตคอลและเซิร์ฟเวอร์ที่อนุญาตให้ระบบจัดการได้) มากกว่าจะเป็นเพียงตัวไคลเอนต์. ไคลเอนต์อีกตัวหนึ่งที่สามารถเข้าใช้บริการดอตเน็ตเมสเซนเจอร์ได้เช่นกัน ก็คือ วินโดวส์เมสเซนเจอร์ (Windows Messenger) เครื่องคอมพิวเตอร์ใดๆที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ใช้วินโดวส์เอกซ์พี และติดตั้งอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ จะสามารถใช้บริการเมสเซนเจอร์ผ่านเว็บที่ชื่อว่า เอ็มเอสเอ็น เว็บเมสเซนเจอร์ (MSN Web Messenger) ได้. เอ็มเอสเอ็นเมสเซนเจอร์ 7.5 เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่ไมโครซอฟท์ปล่อยออกมา ในปีพ.ศ. 2549


    วิธีการติดตั้ง msn ( chat )
  1. ก่อนอื่นคุณต้องมี Email Address ที่นามสกุล hotmail หรือ msn ก้อด้ายนะ ( ถ้าไม่มีไปสมัครที่ http://www.hotmail.com )
  2. เมื่อสมัครเสร็จแล้ว ให้ login เข้าไปในหน้าสำหรับเช็คเมล์
  3. คลิ๊กที่ Home สังเกตขวามือจะเห็นรูปผีเสื้อตัวโตๆๆ เขียนว่า msn..
  4. ให้คลิ๊กเข้าไป แล้วดาวโหลดโปรแกรม msn ตามขั้นตอน
  5. หลังจากดาวโหลดเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านสังเกตมุมด้านล่างขวามือสุด ท่านจะเห็น ตัวตุ๊กตาสีเขียว มีเครื่องหมายกากบาท….. สีแดง
  6. ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ตัวการ์ตูน
  7. จะขึ้นหน้าจอ MSN Messenger
  8. ให้คลิ๊กที่ "Click here to sign-in"
  9. จะขึ้นกรอบสีน้ำตาล ให้ท่านกรอกรายละเอียด
    Sign-in name…………………ให้กรอก email address ของท่าน
    Password ……………………..ให้กรอก Password ของท่าน
    แล้วคลิ๊ก OK
  10. เครื่องจะทำการ singin เข้าระบบให้ เมื่อเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว สังเกตตัวการ์ตูนที่มุมขวาล่างจะไม่มี กากบาท สีแดง แล้ว
รูปแบบ MSN






เอ็มเอสเอ็นเมสเซนเจอร์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วินโดวส์ไลฟ์เมสเซนเจอร์ (Windows Live Messenger หรือ WLM) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดบริการออนไลน์ และซอฟต์แวร์ ของ Microsoft's Windows Live


ประโยชน์ของMSN

1. ติดต่อถึงกัน
ติดต่อกับบุคคลอื่นๆได้อย่างรวดเร็วด้วยข้อความ เสียง วิดิโอ แม้ว่าพวกจะออฟไลน์ คุณสามารถฝากข้อความไว้หรือส่งเป็นบันทึกได้
2. ควบคุมได้
เลือกจากข้อความสถานะต่างๆ สำหรับแต่ละสถานการณ์ ใช้ Windows Live Contacts เพื่อควบคุมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของคุณว่าจะแสดงให้ใครทราบและแสดงข้อมูลใด
3. แบ่งปันเรื่องราวของคุณ
แบ่งปันแฟ้มข้อมูลส่วนตัว ภาพถ่าย และ วิดิโอ ขนาดใดๆ ก็ตาม ด้วยการลากและวางในโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน



      YouTube เป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่สำคัญทุกอย่างที่นี่ฟรี โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป เปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอ เหล่านี้ให้คนอื่นดูได้ด้วย

      YouTube ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2005 โดยอดีตพนักงานของ PayPal สามคนด้วยกัน (ปัจจุบัน PayPal ถูก eBay ซึ้อไปเรียบร้อยแล้ว) ใน YouTube จะมีบริการแสดงภาพวิดีโอซึ่งอาศัยเทคโนโลยีของ Adobe Flash ในการแสดงภาพวิดีโอ (Adobe Flash หรือที่หลายๆ คนรู้จักในชื่อของ Macromedia Flash หรือ Flash (แฟลช) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นิยมมาก ในการทำภาพแอนิเมชั่นและการทำโปรแกรมเล็กๆ ที่ใช้สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมเว็บ โดยมีซอฟต์แวร์ ระบบ และอุปกรณ์หลายชนิดที่สามารถสร้างแฟลชและแสดงแฟลชได้ แฟลชจึงสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสร้างแอนิเมชั่น โฆษณา สร้างส่วนประกอบของหน้าเว็บ รวมภาพวิดีโอเข้าไปในหน้าเว็บ รวมถึงการสร้างพอร์ทัล) ใน YouTube จะมีข้อมูลเนื้อหารวมถึงคลิปภาพยนตร์สั้นๆ และคลิปที่มาจากรายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอบล็อกกิ้งซึ่งเป็นการสร้างบล็อกโดยมีส่วนของข้อมูลที่เป็นภาพ วิดีโอเป็นส่วนประกอบด้วย โดยเฉพาะเป็นภาพวิดีโอที่เกิดจากมือสมัครเล่นถ่ายกันเอง) ปัจจุบัน YouTube มีพนักงานเพียง 67 คนเท่านั้น YouTube เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และได้รับความ สนใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะการบอกแบบปากต่อปากที่ทำให้การเติบโตของ YouTube เป็นไป อย่างรวดเร็วมากจริงๆ YouTube มาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายต่อเนื่อง เมื่อมีการนำภาพวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live มาแสดงบนเว็บ ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ก็ได้เรียกร้องให้ทาง YouTube เอาคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหลายออกจากเว็บ ซึ่ง YouTube เองก็มีนโยบายที่จะไม่เอาคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาแสดงเช่นกัน นั่นทำให้ต่อมา You Tube กำหนดนโยบายที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องนี้ โดยกำหนดให้คลิปวิดีโอมีความยาวสูงสุดเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นยกเว้นเป็นคลิปที่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นจากคนทำภาพยนตร์มือ สมัครเล่นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ YouTube ก็หาทาง ออกโดยการแบ่งภาพวิดีโอของตนเป็นชิ้นย่อยๆ แต่ละชิ้นยาวน้อยกว่า 10 นาทีแทน อย่างไรก็ตาม กรณีพิพาทกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ทำให้ YouTube เป็นข่าวและเพิ่มความดังมากขึ้นไปอีก และต่อมาเอ็นบีซีก็เห็นถึงประสิทธิภาพของ YouTube และตัดสินใจ ดำเนินยุทธศาสตร์ที่ต่างไปจากเดิม โดยประกาศให้ YouTube เป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์แทน โดย YouTube จะเป็นคนโฆษณารายการของเอ็นบีซีในรูปของวิดีโอคลิปในเว็บของ YouTube เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส (CBS) ที่เริ่มต้นเหมือนกับเอ็นบีซีและเลือกลงท้ายเหมือนกับเอ็นบีซีเช่นเดียวกัน เดือน สิงหาคมที่ผ่านมา YouTube ประกาศว่าภายใน 18 เดือนข้างหน้านี้ พวกเขา จะสามารถเปิดให้เข้ามาดูมิวสิกวิดีโอทุกเพลงที่เคยสร้างขึ้นมาได้ และแน่นอน ทุกอย่างฟรีหมด โดยวอร์เนอร์มิวสิค (Warner Music) และอีเอ็ม ไอ (EMI) ได้ยืนยันแล้วว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในบริษัทที่กำลังเจรจาในรายละเอียดกับ YouTube อยู่ และเดือนกันยายนที่ผ่านมา วอร์เนอร์มิวสิก และ YouTube ก็ได้เจรจาข้อตกลงที่ YouTube จะเป็นที่เก็บมิวสิกวิดีโอทุกเพลงที่วอร์เนอร์มิวสิค ผลิตขึ้นมา โดยพวกเขาจะแบ่งรายได้จากโฆษณา กัน นอกจากนี้ใครก็ตามที่สร้างคลิปวิดีโอเพื่อแสดงบน YouTube ก็สามารถนำเพลงของวอร์เนอร์มาใช้เป็นซาวด์แทร็กต์ได้ โดยไม่ถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใน 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ซีบีเอสรวมถึงยูเอ็มจี (UMG-Universal Music Group) และโซนี่บีเอ็มจี (Sony BMG) ก็ตัดสินใจที่จะแสดงงานของตนบน YouTube เช่นกัน

ประโยชน์การใช้ Youtube

1. เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ข้อมูลต่างๆซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น การสอนการแต่งหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำความเข้าใจยาก ถ้าศึกษาจากหนังสือหรือนิตยสาร เราก็ไม่สามารถเห็นการลงมือปฏิบัติแต่งหน้าที่ชัดเจน เช่นการเลือกสี การลงสี และน้ำหนักหนัก-เบา แต่การศึกษาจาก youtube เราสามารถทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
2. เป็นแหล่งรวมความบันเทิง เช่น เพลง มิวสิควิดีโอ เป็นต้น
3. เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ศึกษาการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เช่น การทดลองทางด้านbiological molecular ได้แก่ การทำ PCR , พันธุวิศวกรรม เป็นต้น
4. สามารถทำให้เราติดตามดูละคร หรือรายการทีวีย้อนหลังได้ เช่นละครเนื้อคู่อยากรุ้ว่าใคร ตอนที่ 26 , WooDy Talk 25Jul10 1/4 อ้วน รีเทิร์น

การใช้งาน
1. เข้าหน้าเวป http://www.youtube.com/



2.พิมพ์ข้อความที่ต้องการจะค้นหาในช่อง serch พิมพ์แค่ คีย์เวิร์ดก็จะมีคำที่ไกล้เคียง ถ้ามีคำที่ต้องการก็กดเลือกได้เลยแต่ถ้าไม่มีก็พิมต่อจนครบคำแล้วกด serch



3.เข้าสู่หน้าเวปจะมีคลิปที่มีคำไกล้เคียงคีย์เวิร์ดออกมาให้เลือก คุณสามารถเลือกคลิปที่คุณต้องการได้




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น